ในยุคของ E-commerce นี้ การทำการตลาดแบบ Omni Channel ช่วยให้ธุรกิจเติบโตได้อย่างไร ?

ไม่ว่าจะเป็นการขายสินค้าแบบออฟไลน์หรือออนไลน์ นับได้ว่าทุกช่องทางนั้นเป็นโอกาสการสร้างรายได้ที่สำคัญสำหรับผู้ประกอบการทั้งสิ้น และเพื่อเชื่อมโยงทั้ง 2 ช่องทางการขายเข้าด้วยกันและเพื่อตอบโจทย์พฤติกรรมการใช้จ่ายของลูกค้า ปัจจุบันจึงเกิดเป็นกลยุทธ์การทำการตลาดแบบ Omni Channel ซึ่งเป็นการผสมผสานทั้งสองช่องทางไว้ด้วยกัน ไม่เพียงเพื่อช่วยในการเพิ่มยอดขายให้กับธุรกิจ แต่ยังเป็นการสร้างประสบการณ์อันดีให้แก่ลูกค้า ที่ผู้ประกอบการไม่ควรพลาด

ชวนรู้จัก Omni Channel คืออะไร? มีประโยชน์อย่างไรต่อธุรกิจ?

Omni Channel คือ การผสมผสานช่องทางการขายสินค้า ทั้งในรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์ โดยการลงทะเบียนหรือมีระบบการจัดเก็บข้อมูล เพื่อนำมาวิเคราะห์ผลว่า ลูกค้าสนใจสินค้าหรือบริการรูปแบบใด เพื่อจะนำเสนอขายสินค้าให้ตรงกับกลุ่มเป้าหมายที่ต้องการหรือสนใจในสินค้านั้น ๆ

ตัวอย่างการตลาดแบบ Omni Channel เช่น เมื่อมีลูกค้าซื้อสินค้าจากหน้าร้าน ลูกค้าจะได้รับส่วนลดท้ายใบเสร็จ เพื่อนำไปใช้ในการสั่งซื้อสินค้าในช่องทางออนไลน์ หรือทางเว็บไซต์ของแบรนด์ ทันทีที่ลูกค้าลงทะเบียนเพื่อสั่งซื้อสินค้าจากทางเว็บไซต์ ระบบก็จะบันทึกข้อมูลความสนใจของลูกค้า เพื่อนำมาใช้ในการแจ้งเตือนโปรโมชั่นให้กับลูกค้าต่อไป

Omni Channel จำเป็นสำหรับธุรกิจยุคนี้อย่างไร?

หากธุรกิจของคุณมีช่องทางในการซื้อสินค้าและบริการที่หลากหลาย ถือได้ว่าเป็นการสร้างความได้เปรียบในการแข่งขันที่เรียกได้ว่าเป็น #ของมันต้อง มี ในยุคการตลาดดิจิทัลเลยก็ว่าได้ ที่สำคัญยังเพิ่มโอกาสในการปิดการขายสินค้ามากยิ่งขึ้นอีกด้วย 

สำหรับช่องทางการตลาดที่เชื่อมโยงทั้งระบบออฟไลน์และออนไลน์ได้อย่างสมบูรณ์แบบไร้รอยต่ออย่าง Omni Channel ถือเป็นวิธีที่สร้างประทับใจและความพึงพอใจให้กับลูกค้าได้เป็นอย่างดี เพราะทั้งง่าย สะดวก อีกทั้งยังตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ที่หลากหลายของลูกค้าในปัจจุบัน

3 สิ่งที่ขาดไม่ได้ ถ้าอยากทำ Omni Channel

ลองมาดูกันว่าหากต้องการทำการตลาดแบบ Omni Channel ต้องเตรียมอะไรบ้าง

1. ข้อมูลลูกค้าสำคัญที่สุด

เมื่อร้านค้าต้องการเชื่อมโยงการขายสินค้าทั้งในรูปแบบออฟไลน์และออนไลน์เข้าด้วยกัน ก่อนอื่นเลยต้องมั่นใจว่า ระบบข้อมูลลูกค้าสามารถเชื่อมโยงกันทั้งส่วนของหน้าร้านและการขายออนไลน์ เช่น ประวัติการสั่งซื้อสินค้า ประเภทของสินค้า และช่วงเวลาในการซื้อสินค้า (Customer Insight) เพื่อให้ทราบข้อมูลเชิงลึกของลูกค้า เพื่อที่จะสามารถนำมาใช้วิเคราะห์พฤติกรรมการซื้อสินค้าของลูกค้าได้ 

2. ระบบสต็อคสินค้า

สำหรับการทำการตลาดแบบ Omni Channel สำคัญเลยว่าข้อมูลของสต็อคสินค้าทั้งหน้าเว็บไซต์และหน้าร้านต้องเชื่อมโยงกัน เพื่ออัปเดตข้อมูลหรือสต็อคของสินค้าอยู่ตลอดเวลา เพราะการตลาดแบบ Omni Channel สิ่งที่พิเศษเพิ่มเข้ามาคือ การบริการหลังการขาย เช่น การซื้อสินค้าหน้าเว็บไซต์ แต่สามารถคืน/เปลี่ยน สินค้าที่หน้าร้านได้ นับเป็นอีกหนึ่งบริการ ที่จะช่วยดึงดูดความสนใจแก่ลูกค้าได้มากยิ่งขึ้น 

3. สิ่งที่ขาดไม่ได้ คือ เว็บไซต์ของแบรนด์

ช่องทางการตลาดออนไลน์ที่ได้รับความนิยมสูงสุด คือ เว็บไซต์ เพราะเป็นช่องทางที่สะดวกและรวดเร็วสำหรับการสั่งซื้อสินค้า แบรนด์จึงควรออกแบบเว็บไซต์ให้ใช้งานง่ายและมีความสวยงามตรงคอนเซปแบรนด์อย่างชัดเจน เพื่อสื่อสารความเป็นเอกลักษณ์และสร้างความประทับใจให้กับลูกค้า ตั้งแต่หน้าเว็บไซต์จนถึงสิ้นสุดการซื้อขายสินค้าและบริการ แต่ผู้ประกอบการหลายคนอาจกำลังคิดว่า การออกแบบเว็บไซต์เป็นเรื่องยุ่งยาก แต่เดี๋ยวก่อน! ปัจจุบันมีบริษัทให้บริการผลิตเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่ช่วยให้การสร้างเว็บไซต์ รวมถึงการลงข้อมูลบนเป็นเรื่องที่ง่ายมากยิ่งขึ้น

ดังนั้นเราจึงเห็นได้ว่า ข้อดีของการซื้อสินค้าหน้าร้านคือ เราจะสัมผัสได้ถึงความต้องการของลูกค้าโดยตรง และสร้างความประทับใจได้ทันที แต่ความสะดวกสบายในยุคปัจจุบันก็สำคัญไม่แพ้กัน เพราะอาจจะตอบโจทย์ผู้บริโภคมากกว่า ฉะนั้นหากต้องการให้ธุรกิจเติบโตและเป็นที่รู้จัก การตลาดแบบ Omni Channel จึงเป็นสิ่งที่ผู้ประกอบการไม่ควรมองข้าม 

หากต้องการสร้างเว็บไซต์สำเร็จรูป จะใช้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูปเจ้าไหนดี WebFaster.online รับผลิตเว็บไซต์สำเร็จรูปครบวงจร เรายินดีให้บริการและพร้อมให้คำปรึกษาเกี่ยวกับการสร้างเว็บไซต์ เพราะเรารู้ว่าเว็บไซต์คือ หัวใจสำคัญของช่องทางการตลาดออนไลน์ 

และอย่าลืมว่า การเปลี่ยนจากการขายทางออฟไลน์หรือออนไลน์อย่างเดียว มาเป็นการขายแบบ Omni Channel ย่อมทำให้แบรนด์ของคุณน่าสนใจมากขึ้น และกระตุ้นยอดขายให้เพิ่มขึ้นได้อีกด้วย