6 เทคนิคเขียนบทความ ตามหลักการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google

6 เทคนิคเขียนบทความ ตามหลักการทำ SEO ให้ติดหน้าแรก Google

27 ก.ย. 2565   ผู้เข้าชม 130

การเขียนบทความ SEO ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกของ Google ได้อย่างง่ายดาย แถมเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันในการทำการตลาดออนไลน์ ที่สำคัญก็คือ ไม่เสียเงิน 

เพราะ การทำ SEO ที่ดีจะต้องมีการทำอย่างสม่ำเสมอ คีย์เวิร์ดตรงกับธุรกิจ ข้อมูลเป็นประโยชน์ และตรงต่อความต้องการค้นหาของผู้ใช้งาน เพียงเท่านี้ Google ก็จะส่ง BOT เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อจัด Ranking เว็บไซต์ให้อยู่ในลำดับต้น ๆ และเมื่อบทความบนเว็บไซต์ของคุณถูกแสดงในลำดับแรก ๆ บน Google ก็จะยิ่งเพิ่ม Traffic ให้แก่เว็บไซต์ได้อีกด้วย

 

บทความนี้ Webfaster.online จะมาบอกเทคนิคการเขียนบทความ SEO ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมาย แถมยังช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจติดหน้าหนึ่ง Google ได้โดยง่าย มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง

 

SEO คือ อะไร สำคัญต่อการทำเว็บไซต์อย่างไร ?

SEO หรือ Search Engine Optimization

SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณให้ตอบโจทย์และตรงใจ Google เพื่อให้จัดแสดงผลบนหน้าค้นหาอันดับต้น ๆ โดยใช้เครื่องมือการทำ SEO On Page ปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ตรงเกณฑ์การจัดอันดับของ Google ซึ่งการทำ SEO เป็นการทำการตลาดออนไลน์อย่างหนึ่งที่ไม่เสียค่าโฆษณา แต่จะเป็นการสร้าง Organic Traffic ที่ผู้ค้นหาเลือกเข้าชมเว็บไซต์ด้วยตนเอง ผ่านคีย์เวิร์ดในเว็บไซต์และบทความที่แสดงผลบนหน้า Google เช่น  Meta Title, Meta Description และKeyword Density  เป็นต้น

 

Research Keywords SEO ที่เหมาะสม ตรงความต้องการผู้ค้นหา

Research Keywords SEO ที่เหมาะสม ตรงความต้องการผู้ค้นหา

ก่อนเขียนบทความ SEO นักเขียนหรือผู้มีความรู้การทำ SEO จะต้องทำการ Research ก่อนว่า “คีย์เวิร์ด (Keyword)” ไหนที่คนนิยมค้นหาหรือมีปริมาณของ Search Volume สูง จากเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ เพื่อที่คุณจะได้ผลิตบทความให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด แถมยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เลือกที่จะหยุดดูหรือคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย 

 

เนื่องจากคอนเทนต์หรือบทความ SEO ผลิตมาจากการกำหนดคีย์เวิร์ดที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของข้อมูลและเนื้อหาของผู้ใช้งานจริง ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับแสดงผลอยู่ในหน้าแรกของ Google 

 

การกำหนดชื่อลิงก์ หรือ Slug URL แบบฉบับนักทำ SEO มืออาชีพ

การกำหนดชื่อลิงก์ หรือ Slug URL แบบฉบับนักทำ SEO มืออาชีพ

หลายคนมักจะมองข้ามการ กำหนดชื่อลิงก์ หรือ Slug URL ของเว็บไซต์และมุ่งให้ความสำคัญแต่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว แต่รู้หรือไม่ว่า! ชื่อลิงก์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจนติดอันดับต้น ๆ บน Google ได้เช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่าการตั้งชื่อ Slug URL ที่ดีควรเป็นอย่างไร 

  • ควรใช้ Keyword ในการตั้งชื่อ Slug URL และควรเกี่ยวข้องกับธุรกิจที่ทำอยู่
  • ไม่ควรมีตัวอักษรที่ยาวเกิน 50 ตัวอักษร
  • ตั้งชื่อให้สอดคล้องกับ Topic ของเนื้อหาในหน้าเพจเว็บไซต์
  • ควรใช้คำที่สั้น กระชับ และสื่อความหมายได้ชัดเจน

 

การกำหนดชื่อหัวข้อ (Heading Tag) ให้สะดุดตาผู้อ่าน

การกำหนดชื่อหัวข้อ (Heading Tag) ให้สะดุดตาผู้อ่าน

Heading Tag คือ หัวข้อที่อยู่ภายในบทความ โดยมักจะนิยมเรียกกันอีกชื่อว่า Heading 1 (H1) - Heading 6 (H6) โดยจำนวนของ Heading Tag จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์จะมีการใช้จำนวน Heading Tag ที่ไม่เหมือนกัน เพราะผู้ให้บริการเว็บไซต์แต่ละเจ้าจะมีเทคนิคการทำ SEO ที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไป

ซึ่งการที่เว็บไซต์สามารถรองรับ Heading Tag ได้นั้น จะช่วยสนับสนุนบทความของคุณให้มีความน่าสนใจ เพราะ Heading Tag แต่ละอันจะมีขนาดตัวอักษรที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ทราบถึงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อยของเนื้อหาบทความได้ง่ายมากขึ้น และที่สำคัญ Search Engine อย่าง Google จะสามารถตรวจจับคีย์เวิร์ดที่สำคัญของบทความ เพื่อนำไปแสดงผลบนหน้าค้นหาของผู้ใช้งานได้อีกด้วย 

 

เทคนิคการกำหนดชื่อและคีย์เวิร์ด Heading Tag ให้ Google ถูกใจ!

เทคนิคการกำหนดชื่อและคีย์เวิร์ด Heading Tag ให้ Google ถูกใจ!

  • ใช้ Short tail Keyword และ Long tail Keyword ในการกำหนดชื่อ
  • Heading Tag 1 (H1) ควรใช้ Main Keyword 
  • Heading Tag  2 (H2) ควรใช้ Support Keyword
  • Heading Tag 3 (H3) และที่เหลือควรใช้ Support Keyword ที่มีความเกี่ยวข้อง   

 

การกำหนด Alt Text เพิ่มโอกาสติดอันดับ Google Image

การกำหนด Alt Text เพิ่มโอกาสติดอันดับ Google Image

อีกเทคนิคสำหรับการทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ของคุณ คืออย่าลืมที่จะ ตั้งชื่อ Alt Text หรือคำอธิบายภาพประกอบกัน ด้วยนะคะ เพราะภาพประกอบของบทความ SEO ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอันดับต้น ๆ ใน Google ในหน้า Image ได้เช่นกัน เนื่องจาก Google จะไม่เห็นภาพประกอบเป็นรูปแต่จะเห็นเป็นชื่อไฟล์ที่ถูกอัปโหลดลงไป ซึ่งชื่อของไฟล์ของภาพจะเข้าไปแทรกอยู่ใน HTML Code ของเว็บไซต์ 

ด้วยความฉลาดของ Google จึงส่ง BOT เข้าไปตรวจสอบตัวอักษรต่าง ๆ ในเว็บไซต์และบทความ เพื่อที่จะดึงข้อมูลมาจัดอันดับและแสดงผลใน Google Image ทำให้หลาย ๆ ครั้งเมื่อเราค้นหาคำด้วยคีย์เวิร์ดที่ต้องการจึงมักจะเจอสิ่งที่ต้องการค้นหาแสดงผลอยู่เสมอ

 

การออกแบบโครงสร้างที่ดีต่อ SEO อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าหนึ่ง

การออกแบบโครงสร้างที่ดีต่อ SEO อีกหนึ่งปัจจัยที่จะช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าหนึ่ง

โครงสร้างเว็บดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่าการออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้รองรับการใช้งาน SEO ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณได้แสดงผลอยู่ในหน้าแรกของ Google อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คุณมีหน้าที่คอยอัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ Google จะทำการส่งบอท เข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์และนำไปจัดอันดับให้แสดงผลใน Google ในที่สุด จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณถึงควรอัปเดตข้อมูลภายในเว็บไซต์อยู่เสมอ 

Add Line WebFaster

ซึ่ง Webfaster.online ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่มีโครงสร้างเว็บไซต์รองรับ SEO 100% ช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google Search ได้อย่างรวดเร็ว แถมเว็บไซต์ยังมีความเร็วแรงโหลดเร็วกว่า 2 วินาที ระบบจัดการหลังบ้านใช้งานง่าย พร้อมมีทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการด้านคำปรึกษาตลอดอายุการใช้งาน ตอบโจทย์ธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่ 

เห็นไหมคะว่า การเขียนบทความ SEO ให้ปัง ๆ ด้วยเทคนิคทั้ง 6 ของเราวันนี้ เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณมีโอกาสติดหน้าหนึ่ง เพิ่มยอดขาย และประสบความสำเร็จในธุรกิจได้อีกด้วย ติดตามข่าวสารและสาระดี ๆ เกี่ยวกับการทำ SEO เว็บไซต์ได้ที่ Webfaster.online


สาระน่ารู้ที่เกี่ยวข้อง