การเขียนบทความ SEO ถือได้ว่าเป็นอีกหนึ่งวิธีที่จะช่วยเพิ่มโอกาสในการติดอันดับการค้นหาในหน้าแรกของ Google ได้อย่างง่ายดาย แถมเป็นที่นิยมอย่างมากในปัจจุบันในการทำการตลาดออนไลน์ ที่สำคัญก็คือ ไม่เสียเงิน
เพราะ การทำ SEO ที่ดีจะต้องมีการทำอย่างสม่ำเสมอ คีย์เวิร์ดตรงกับธุรกิจ ข้อมูลเป็นประโยชน์ และตรงต่อความต้องการค้นหาของผู้ใช้งาน เพียงเท่านี้ Google ก็จะส่ง BOT เข้ามาเก็บข้อมูลเพื่อจัด Ranking เว็บไซต์ให้อยู่ในลำดับต้น ๆ และเมื่อบทความบนเว็บไซต์ของคุณถูกแสดงในลำดับแรก ๆ บน Google ก็จะยิ่งเพิ่ม Traffic ให้แก่เว็บไซต์ได้อีกด้วย
บทความนี้ Webfaster.online จะมาบอกเทคนิคการเขียนบทความ SEO ให้ตอบโจทย์ความต้องการผู้ใช้งานหรือกลุ่มเป้าหมาย แถมยังช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจติดหน้าหนึ่ง Google ได้โดยง่าย มาดูกันว่ามีเทคนิคอะไรบ้าง
SEO หรือ Search Engine Optimization เป็นการปรับแต่งเว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณให้ตอบโจทย์และตรงใจ Google เพื่อให้จัดแสดงผลบนหน้าค้นหาอันดับต้น ๆ โดยใช้เครื่องมือการทำ SEO On Page ปรับแต่งเนื้อหาบนเว็บไซต์ให้ตรงเกณฑ์การจัดอันดับของ Google ซึ่งการทำ SEO เป็นการทำการตลาดออนไลน์อย่างหนึ่งที่ไม่เสียค่าโฆษณา แต่จะเป็นการสร้าง Organic Traffic ที่ผู้ค้นหาเลือกเข้าชมเว็บไซต์ด้วยตนเอง ผ่านคีย์เวิร์ดในเว็บไซต์และบทความที่แสดงผลบนหน้า Google เช่น Meta Title, Meta Description และKeyword Density เป็นต้น
ก่อนเขียนบทความ SEO นักเขียนหรือผู้มีความรู้การทำ SEO จะต้องทำการ Research ก่อนว่า “คีย์เวิร์ด (Keyword)” ไหนที่คนนิยมค้นหาหรือมีปริมาณของ Search Volume สูง จากเครื่องมือค้นหาคีย์เวิร์ดต่าง ๆ เพื่อที่คุณจะได้ผลิตบทความให้ตอบโจทย์ความต้องการของผู้ใช้งานมากที่สุด แถมยังเพิ่มโอกาสให้ผู้ใช้งานหรือกลุ่มลูกค้าเป้าหมาย เลือกที่จะหยุดดูหรือคลิกเข้าชมเว็บไซต์ของคุณอีกด้วย
เนื่องจากคอนเทนต์หรือบทความ SEO ผลิตมาจากการกำหนดคีย์เวิร์ดที่มีความสอดคล้องกับความต้องการของข้อมูลและเนื้อหาของผู้ใช้งานจริง ทำให้เว็บไซต์ของคุณได้รับการจัดอันดับแสดงผลอยู่ในหน้าแรกของ Google
หลายคนมักจะมองข้ามการ กำหนดชื่อลิงก์ หรือ Slug URL ของเว็บไซต์และมุ่งให้ความสำคัญแต่เนื้อหาเพียงอย่างเดียว แต่รู้หรือไม่ว่า! ชื่อลิงก์ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยของการทำ SEO เพื่อให้เว็บไซต์ของคุณมียอดผู้ใช้งานเพิ่มขึ้นจนติดอันดับต้น ๆ บน Google ได้เช่นกัน มาดูกันดีกว่าว่าการตั้งชื่อ Slug URL ที่ดีควรเป็นอย่างไร
Heading Tag คือ หัวข้อที่อยู่ภายในบทความ โดยมักจะนิยมเรียกกันอีกชื่อว่า Heading 1 (H1) - Heading 6 (H6) โดยจำนวนของ Heading Tag จะขึ้นอยู่กับโครงสร้างของเว็บไซต์ ซึ่งแต่ละเว็บไซต์จะมีการใช้จำนวน Heading Tag ที่ไม่เหมือนกัน เพราะผู้ให้บริการเว็บไซต์แต่ละเจ้าจะมีเทคนิคการทำ SEO ที่เฉพาะตัวแตกต่างกันไป
ซึ่งการที่เว็บไซต์สามารถรองรับ Heading Tag ได้นั้น จะช่วยสนับสนุนบทความของคุณให้มีความน่าสนใจ เพราะ Heading Tag แต่ละอันจะมีขนาดตัวอักษรที่ไม่เหมือนกัน ทำให้ทราบถึงลำดับความสำคัญจากมากไปหาน้อยของเนื้อหาบทความได้ง่ายมากขึ้น และที่สำคัญ Search Engine อย่าง Google จะสามารถตรวจจับคีย์เวิร์ดที่สำคัญของบทความ เพื่อนำไปแสดงผลบนหน้าค้นหาของผู้ใช้งานได้อีกด้วย
อีกเทคนิคสำหรับการทำ SEO ให้แก่เว็บไซต์ของคุณ คืออย่าลืมที่จะ ตั้งชื่อ Alt Text หรือคำอธิบายภาพประกอบกัน ด้วยนะคะ เพราะภาพประกอบของบทความ SEO ก็สามารถเป็นส่วนหนึ่งที่จะช่วยให้เว็บไซต์ของคุณแสดงผลอันดับต้น ๆ ใน Google ในหน้า Image ได้เช่นกัน เนื่องจาก Google จะไม่เห็นภาพประกอบเป็นรูปแต่จะเห็นเป็นชื่อไฟล์ที่ถูกอัปโหลดลงไป ซึ่งชื่อของไฟล์ของภาพจะเข้าไปแทรกอยู่ใน HTML Code ของเว็บไซต์
ด้วยความฉลาดของ Google จึงส่ง BOT เข้าไปตรวจสอบตัวอักษรต่าง ๆ ในเว็บไซต์และบทความ เพื่อที่จะดึงข้อมูลมาจัดอันดับและแสดงผลใน Google Image ทำให้หลาย ๆ ครั้งเมื่อเราค้นหาคำด้วยคีย์เวิร์ดที่ต้องการจึงมักจะเจอสิ่งที่ต้องการค้นหาแสดงผลอยู่เสมอ
โครงสร้างเว็บดีย่อมมีชัยไปกว่าครึ่ง แน่นอนว่าการออกแบบโครงสร้างของเว็บไซต์เพื่อให้รองรับการใช้งาน SEO ก็เป็นอีกหนึ่งปัจจัยสำคัญที่จะทำให้เว็บไซต์ของคุณได้แสดงผลอยู่ในหน้าแรกของ Google อย่างรวดเร็ว เพียงแค่คุณมีหน้าที่คอยอัปเดตเนื้อหาบนเว็บไซต์อยู่เป็นประจำ Google จะทำการส่งบอท เข้ามาเพื่อเก็บข้อมูลภายในเว็บไซต์และนำไปจัดอันดับให้แสดงผลใน Google ในที่สุด จึงเป็นเหตุผลสำคัญว่าทำไมคุณถึงควรอัปเดตข้อมูลภายในเว็บไซต์อยู่เสมอ
ซึ่ง Webfaster.online ก็เป็นอีกหนึ่งผู้ให้บริการเว็บไซต์สำเร็จรูป ที่มีโครงสร้างเว็บไซต์รองรับ SEO 100% ช่วยให้เว็บไซต์ติดหน้าแรก Google Search ได้อย่างรวดเร็ว แถมเว็บไซต์ยังมีความเร็วแรงโหลดเร็วกว่า 2 วินาที ระบบจัดการหลังบ้านใช้งานง่าย พร้อมมีทีมงานมืออาชีพคอยให้บริการด้านคำปรึกษาตลอดอายุการใช้งาน ตอบโจทย์ธุรกิจตั้งแต่ขนาดเล็กไปจนถึงธุรกิจขนาดใหญ่
เห็นไหมคะว่า การเขียนบทความ SEO ให้ปัง ๆ ด้วยเทคนิคทั้ง 6 ของเราวันนี้ เพียงแค่นี้ก็สามารถช่วยให้เว็บไซต์ธุรกิจออนไลน์ของคุณมีโอกาสติดหน้าหนึ่ง เพิ่มยอดขาย และประสบความสำเร็จในธุรกิจได้อีกด้วย ติดตามข่าวสารและสาระดี ๆ เกี่ยวกับการทำ SEO เว็บไซต์ได้ที่ Webfaster.online